
“เดชอิศม์” ชู แผนเพิ่มประชากร เดินหน้า 3 มาตรการส่งเสริมมีบุตร ลดวิกฤตเด็กเกิดน้อย
นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมช.สธ.) เป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพ Nurse Case Manager คลินิกส่งเสริมการมีบุตร ที่โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (วันที่ 16 ธันวาคม 2567)




นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ประเทศไทยประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยมาอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลสถิติสาธารณสุข ปี 2565 พบว่ามีเด็กเกิดใหม่เหลือเพียง 485,085 ราย ซึ่งเป็นจำนวนต่ำที่สุดในรอบกว่า 70 ปี และจำนวนการเกิดยังน้อยกว่าการตาย เท่ากับว่าจำนวนประชากรของไทยลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2564 นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราเจริญพันธุ์รวมของประเทศไทยลดลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และมีแนวโน้มที่จะลดลงอีก

“หากประเทศไทยไม่มีการออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ จำนวนประชากรที่ลดลงอาจส่งผลให้จำนวนแรงงานลดลง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการของประเทศลดลง การกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ยากขึ้น เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การจัดเก็บภาษีรายได้ลดลง ภาระทางด้านสาธารณสุขเพิ่มขึ้น เกิดปัญหาความมั่นคงในด้านต่าง ๆ ของประเทศ และอัตราการพึ่งพิง หรือภาระของประชากรวัยทำงานจะเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีแนวโน้มก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์” รมช.สธ. กล่าว
รมช.สธ. กล่าวต่อว่ากระทรวงสาธารณสุข จึงเดินหน้าโครงการส่งเสริมการมีบุตรอย่างมีคุณภาพ เพื่อพัฒนาประชากรและทุนมนุษย์ โดยในปี 2568 จะให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมก่อนมีคู่และก่อนตั้งครรภ์ รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงบริการส่งเสริมการมีบุตร ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่


- ส่งเสริมการตรวจคัดกรองสุขภาพและให้คำปรึกษา สำหรับคนโสดและคนที่มีคู่เข้าให้รับการตรวจคัดกรองสุขภาพพร้อมให้บริการคำปรึกษาและคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) บริการอนามัยการเจริญพันธุ์ บริการยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก และการคุมกำเนิด รับบริการได้ที่คลินิกส่งเสริมการมีบุตรระดับที่ 1 ในโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง เพื่อเพิ่มโอกาสการมีบุตรและลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์
- ผลักดันการจัดบริการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกโดยตรง (IUI) ผลักดันให้โรงพยาบาลในแต่ละจังหวัดมีบริการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกโดยตรง (IUI) เพื่อช่วยให้คู่สมรสมีบุตรง่ายขึ้น และ
- ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (IVF) สนับสนุนให้โรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขในแต่ละภูมิภาคจัดบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (IVF) อย่างทั่วถึง
