วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เมื่อ วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ หอประชุม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ผศ.อนุชา จินตกานนท์ ที่ปรึกษาอาวุโส มูลนิธิเอเซีย อดีตรองประธาน คณะกรรมการที่ปรึกษา นรม. ด้านความมั่นคง ประธานเปิดโครงการอบรม อาสากาชาดเสริม อ.ท่าสองยาง อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 39 คน ทางด้านสภากาชาดไทย ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์จากกรณีชาวต่างชาติ เช่น พม่า เขมร และลาว โดยเน้นไปที่ ชาวเมียนม่า ที่มีชายแดนติดกับ จ.ตาก และผู้คนต่างไปมาหาสูกันมีเพียงแค่พรมแดนกั้น เท่านั้น ถือว่าเป็นบ้านพี่เมืองน้องมายาวนาน มักจะมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งภายในประเทศและนอกประเทศ ปัจจุบันยังมีปัญหาขัดแย้งด้านความมั่งคงกับประเทศเขมร ในช่วงที่ประเทศเขมรประสบปัญหาจากการขัดแย้งภายในประเทศเขมร พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช ได้ให้เปิดชายแดน ฝั่งประเทศไทยที่ติดต่อกับ อ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จไปให้การช่วยเหลือพระองค์มิได้ให้การเมืองระหว่างประเทศหรือกฎระเบียบ ข้อบังคับ ของประเทศเป็นอุปสรรคในการให้ความช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมแต่ประการใด ในด้านสภากาชาดไทย ได้ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่บุคคลและมนุษยชาติทั่วไปโดยมิได้มีข้อจำกัด ฉะนั้นอาสาสมัครเสริมสภากาชาดไทย จึงมีความจำอย่างยิ่ง ประกอบกับด้วยเป็นผู้ที่อยู่ในบริเวณชายแดนที่มีปัญหา จึงมีความชำนาญภูมิประเทศและภาษาท้องถิ่นสามารถเสริมภารกิจของสภากาชาดไทยได้เป็นอย่างดี และอาสาสมัครเสริมสภากาชาดไทย ที่ได้รับการอบรมจากรุ่นที่ผ่านมาได้มีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือเป็นที่พอใจของสภากาชาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาสาสมัครกาชาดเสริม จะได้รับการอบรมเชิงปฏิบัติในการปฐมพยาบาล เบื้องต้น และกระบวนการการทำงานเพื่อให้การร่วมงานทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปด้วยความราบรื่น สมาชิกอาสาสมัครกาชาดเสริม ที่สภากาชาดไทย จึงว่า เป็นผู้ที่เสียสละอุทิศตนเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ นับว่าจะได้บุญกุศลและศักดิ์ศรีแก่ตนและวงศ์ตระกูล ทางด้าน ผศ. อนุชา จินตกานนท์ ประธานในพิธีเปิดโครงการดังกล่าวจึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและ สมาชิกอาสาสมัครกาชาดเสริม ในครั้งนี้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การอบรมในครั้งนี้จะนำพาให้ผู้คนที่มีปัญหา ให้พ้นจากการแก้ไขปัญหา อย่างถูกต้องและยุติธรรม พร้อมให้อยู่ในสังคมในพื้นที่อย่างมีความสุขตลอดไป ดุจดั่งพระราชดำรัสว่า ….ความยุติธรรมอยู่เหนือกฎหมาย กฎหมายนั้นไม่ใช่ความยุติธรรม ความยุติธรรมในแผ่นดิน มิได้มีววงแคบอยู่เพียงแค่ขอบเขตของกฏหมาย หากต้องการขยายออกไป ถึงศิลธรรมจรรยา ตลอดจนเหตุและผลความเป็นจริงด้วย…….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *