วันที่ 14 ธันวาคม 2567 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น.นายนคร สายยืด นายอำเภอสูงเม่น ร่วมบูรณาการกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สูงเม่น โดยการนำของ พ.ต.อ.พงษ์พีระ การเกตุ ผกก.สภ.สูงเม่น จว.แพร่ พ.ต.ท.ทัตเทพ โชติเดโชชัย รอง ผกก.ส.ส.พร้อมชุดปฏิบัติการชุด 7 ฝ่ายปกครอง อ.สูงเม่น โดยการนำของ สิบเอก พนม สมนึก ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.สูงเม่น นายปรีชา นุ่มปาน ปลัด อ.สูงเม่น นายนภดล สินป้อง ปลัดปัองกัน อ.สูงเม่น และสมาชิก อส.อ.สูงเม่น หลังจากที่ทางฝ่ายปกครอง อ.สูงเม่น จ.แพร่ได้รับแจ้งจากสายรายงานว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ( ยาบ้า) ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.บ้านปง อ.สูงเม่น จ.แพร่ จำหน่ายให้กับกลุ่มวัยรุ่น และผู้ใช้แรงงานในพื้นที่มานาน สิ่งสำคัญกลางคืนมีรถจักรยานยนต์วิ่งเข้า-ออก ส่งเสียงดังทุกคืน เป็นที่รำคาญของชาวบ้านในพื้นมาโดยตลอด จึงเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 79/1 หมู่ที่ 1 ต.บ้านปง อ.สูงเม่น จ.แพร่

จากการเข้าตรวจค้นตามสายรายงาน ภายในบริเวณบ้านดังกล่าวเปิดเป็นโรงงานแปรรูปไม้สัก จากการตรวจค้นพบยาเสพติด (ยาบ้า)ซุกซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆภายในโรงงานแปรรูปไม้สักเมื่อนำมารวมกันนับได้ 96 เม็ด และเครื่องกระสุนปืนขนาน .22 มม.จำนวน 20 นัด จึงควบกุมตัวนาย ชา ( นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ตามสายรายรายงาน และนายชา ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าทั้งหมดพร้อม กระสูนปืนเป็นของตัวเอง และยังขยายผลต่อเข้า ตรวจค้น ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.บ้านปง อ.สูงเม่น จ.แพร่ บ้านเลขที่ 116/3 จับกุม นาย คำ (นามสมมุติ) อายุ 71 ปี ตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าว พบ ปืนลูกซองยาวประดิษฐ์เอง 2 กระบอก  ติดลำกล้องซุกซ่อนแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า ในห้องนอน พร้อมกระสูนปืนเบอร์ 12 จำนวน 14 นัด  จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย นำส่ง พ.ต.ท. ภาษิต อินทรรุจิกุล  สว.( สอบสวน) สภ.สูงเม่น จว.แพร่ ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 2ราย ต่อไป ต่างกรรมและต่างวาระต่างคดี จากรัฐบาลมีนโยบายเป็นวาระแห่งชาติของการปราบปรามยาเสพติด ทุกพื้นที่ให้หมดไปจากประเทศไทย จากการสังเกตุของสื่อในหลากหลายแง่มุม จึงการปฎิบัติการในแต่ละพื้นที่ บางพื้นที่ก็จริงจัง บางพื้นที่ก็ปล่อยเลยตามเลย เมื่อมีข้อมูลก็ตามไปจับกุมหรือเอาผลงานส่งหน่วยเหนือ เท่านี้ก็จบ แล้วเมื่อไหร่การปราบปรามและป้องกัน ยาเสพติดถึงจะลดลงหรือมีน้อยลง รัฐบาลจะต้องจริงใจ จริงจังกับเรื่องดังกล่าว

แต่ถ้าปล่อยให้แต่ละพื้นที่ปฎิบัติการ งานก็ได้แต่ผลงานแต่ความเป็นจริงยาบ้าก็ยังระบาดทุกพื้นที่ พอมีกระแสการทำร้ายของคนที่เสพยาเสพติด ก็มาหาแก้ไข เหมือนวัวหายล้วล้อมคอกและมาวางแผนและออกข่าวกันเป็นไปตามกระแส  แต่ระจังหวัด แต่ละอำเภอ ก็ขันน๊อตสุมตรวจปัสสาวะฝ่ายปกครองหรือแม้กระทั่งฝ่ายเจ้าหน้าทีตำรวจ กันครั้งหนึ่ง ถ้าถามว่าจะได้ผลมัย? ตอบ ไม่ได้ ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกพื้นที่รู้ดีว่าทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ใคร่ค้า ใครเสพ เมื่อนำตัวผู้เสพไปบำบัด พอกลับก็เข้าสู่วงเวียนเหมือนเดิม เสมือนวัฎจักรที่หาที่สิ้นสุดไม่เจอ ตราบใดที่ผู้เสพยาบ้าคลุ้มคลั่งทำร้ายคนในครอบครัวหรือผู้เคราะห์ร้ายถูกกระทำนั้นคือประเด็นที่สังคมจับตามอง ทางการก็เข้มงวดพอเรื่องผ่านไปสักพักก็ลืม ปล่อยไปตามกาลเวลาเสมือนไฟไหม้ฟาง อยู่ที่รัฐบาลต้องเด็ดขาดและสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคาดโทษ

โฆษณา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *